Travel Advisory ของกระทรวงการต่างประเทศเบลเยียมเกี่ยวกับประเทศไทย
การบรรยายเรื่อง บทบาทของ Gustave Rolin-Jaequemyns ที่มีต่อความสัมพันธ์ไทย-เบลเยียม ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19

คณะผู้บริหารระดับสูงกรมสรรพากร รับฟังการบรรยายเรื่องการทำธุรกิจในเบลเยียม

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2551 คณะผู้บริหารระดับสูงกรมสรรพากรจำนวน 20 คน ซึ่งเดินทางมาจากประเทศไทย เพื่อศึกษาดูงานที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ และเบลเยียม ระหว่างวันที่ 10-16 กูมภาพันธ์ 2551 โดยมีนางเสาวนีย์ กมลบุตรที่ปรึกษาระดับ 10 กรมสรรพากรเป็นหัวหน้าคณะได้เข้าฟังการบรรยาย และพบปะกับนักธุรกิจไทย เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับคุณภาพชีวิตการทำงาน และการทำธุรกิจในเบลเยียม

ก่อนการบรรยาย นายศรันย์ เจริญสุวรรณ อัครราชทูต ได้กล่าวต้อนรับคณะพร้อมทั้งได้มอบ CD เกี่ยวกับการดำเนินงานของสถานเอกอัครราชทูตฯให้แก่คณะ เพื่อใช้เป็นข้อมูล ในการทำรายงานของคณะ และเก็บไว้ใช้ประโยชน์ในราชการต่อไป หลังจากนั้น นายบุญธง ก่อมงคลกูล นักธุรกิจและเจ้าของร้านอาหารไทย “วิลลา สิงห์” ได้บรรยายเรื่องการประกอบธุรกิจในประเทศเบลเยียม โดยได้เล่าถึงประสบการณ์ ตั้งแต่เดินทางเข้าประเทศเบลเยียม เมื่อ 21 ปีที่ผ่านมา เพื่อศึกษาต่อ และได้ทำงานยอดฮิตของนักเรียน คือการล้างจานในร้านอาหารไทย ทำอยู่ได้ 1 เดือนเจ้าของร้านเห็นหน่วยก้านดีจึงเลื่อนฐานะให้เป็นพนักงานเสริฟ ในระหว่างนั้นได้ศึกษาด้านระบบคอมพิวเตอร์ และสมัครเข้าเป็นลูกจ้างสำนักงานศุลกากรประจำกรุงบรัสเซลส์ 2 ปี สำนักงานวิทยาศาสตร์ฯ 5 ปี และสถานเอกอัครราชทูต ณกรุงบรัสเซลส์อีก 5 ปีตามลำดับ ในช่วงนี้เป็นช่วงการเปลี่ยนแปลงมีการนำคอมพิวเตอร์ มาใช้ในระบบราชการ ตนจึงได้นำความรู้ที่ร่ำเรียนมาปรับdatabase ติดตั้งโปรแกรม Word และวางรากฐานการใช้อินเตอร์เน็ตให้แก่หน่วยงานไทย

ในช่วงเรียน MBA ได้อ่านนสพ. Financial Time ตามคำแนะนำของอาจารย์ เพื่อเปิดวิสัยทัศน์ในการทำธุรกิจให้กว้างขวางยิ่งขึ้น พอศึกษาจบปริญญาโทได้รวบรวมเงินซื้อตึกเก่า เพื่อทำเป็นหอพักนักศึกษา ชั้นล่างดัดแปลงเป็นร้านอาหารเล็กๆ ตั้งอยู่ในซอยตันและไม่ค่อยมีผู้สังเกตเห็น จึงคิดหาวิธีในการดึงดูดลูกค้า โดยใช้ low price strategy เนื่องจากร้านอาหารไทยส่วนใหญ่มีราคาสูง การขายอาหารในราคาถูกจึงเป็นกลยุทธ์ที่ใช้ในช่วง 2 ปีแรกเพื่อจูงใจลูกค้าหลังจากนั้น กิจการก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ มีการทำแบบสอบถาม เพื่อสำรวจความคิดเห็นของลูกค้าในด้านอาหารและบริการ ให้ลูกค้ากรอกข้อมูลวันเกิด เพื่อเก็บไว้ในฐานข้อมูลได้ถึง 4,000 ราย ในแต่ละเดือนได้ส่งการ์ดอวยพรวันเกิดแก่ลูกค้าประมาณ 300 ราย โดยเสนอให้เครื่องดื่มฟรี cocktail ฟรี มอบของที่ระลึก และถ่ายรูปในงานเลี้ยงวันเกิด เพื่อเป็นการผูกใจและสร้างความเป็นกันเองกับลูกค้า

ต่อจากนั้น คุณสิริพร ขุนนันทเจียม ผู้ประกอบกิจการด้านขนมไทยในเบลเยียมได้เล่าถึงประสบการณ์ ในการทำขนมตั้งแต่แรกเริ่ม โดยได้นำวิชาความรู้จากการสมัครเข้าเรียน ในหลักสูตรโครงการทำอาหารและขนมไทยของสถานเอกอัครราชทูตฯ ทำขนมขายเพื่อเป็นรายได้เสริมจากงานประจำ เพราะขณะนี้ยังไม่ได้เปิดร้านเป็นหลักแหล่ง เมื่อไปออกร้านขายขนมในงานเทศกาลต่างๆ รวมทั้งงานวัดและงานของชุมชนไทย ได้มีลูกค้าติดต่อสั่งทำขนมอยู่เป็นประจำ ขณะนี้กิจการดีขึ้นตามลำดับ ต่อไปคิดจะเปิดร้านอาหารจานเดียว เช่น ก๋วยเตี๋ยว หรือผัดไทย เป็นต้น

ในการฟังบรรยายดังกล่าว นอกจากคณะได้ให้ความสนใจในเรื่องการประกอบธุรกิจในเบลเยียมแล้ว ยังได้ซักถามเกี่ยวกับระบบภาษี และการจัดเก็บภาษีของเบลเยียม เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับระบบภาษีของไทย ซึ่งนายบุญธงฯได้แสดงความคิดเห็นและตอบข้อซักถามจนเป็นที่พอใจของคณะ

ไทย