เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2551 นายพิศาล มาณวพัฒน์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงบรัสเซลส์ได้รับเชิญจาก Women?s International Club กรุงบรัสเซลส์ บรรยายเรื่อง Hidden Thailand ให้แก่สมาชิกของสมาคมฯ ที่ห้องสัมมนา โรงแรมโซฟิเทล โดยมีสมาชิกเข้าร่วมรับฟังจำนวน 90 คน
นายพิศาลฯ ได้บรรยายถึงประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์อันดีและยาวนานระหว่างไทยและเบลเยียม และกล่าวว่าปีนี้เป็นปีแห่งการฉลองการครบรอบ 140 ปีของความสัมพันธ์ดังกล่าว นับว่ากษัตริย์ของเบลเยียมมีสายพระเนตรอันยาวไกลที่ได้มีความสัมพันธ์กับไทย ในขณะที่ก่อตั้งประเทศได้เพียง 38 ปี ความสัมพันธ์ของสองประเทศในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งเป็นช่วงที่อังกฤษกับฝรั่งเศสออกล่าอาณานิคม ราชสำนักไทยได้จ้างนาย Rolin Jacquemyn ชาวเบลเยียมเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายและช่วยพัฒนาระบบกฎหมายและการบริหารของ ไทย เพื่อให้เท่าเทียมกับยุโรป และรัชกาลที่ 5 ได้เสด็จเยือนรัสเซียและฉายพระบรมสาทิสลักษณ์ร่วมกับพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ลงพิมพ์ในนิตยสารทั่วยุโรป ทำให้ Queen Victoria และกษัตริย์ประเทศอื่นๆ ในยุโรปถวายการต้อนรับพระองค์เป็นอย่างดี
หลังจากที่ได้ฉายวิดิทัศน์เรื่อง Seven Wonders in Thailand แล้ว นายพิศาลฯ ได้กล่าวว่าเมืองไทยมีลักษณะพิเศษแตกต่างจากประเทศอื่นๆ คือ ความเป็นไทย (Thainess) ซึ่งอธิบายได้ยาก แต่ชาวต่างชาติสามารถสัมผัสได้ถึงอัธยาศัยไมตรีและน้ำใจของคนไทย รอยยิ้มที่ออกมาจากใจและเป็นธรรมชาติ ซึ่งลักษณะนี้มีอยู่ในจิตวิญญาณของชาวไทยและซึมลึกถึง DNA รวมทั้งอาหารไทยที่มีรสชาติกลมกลืมเพราะผู้ปรุงใช้สัมผัส และทักษะในการปรุง โดยไม่มีการชั่งตวงวัด เช่นเดียวกับการให้บริการในอุตสาหกรรมโรงแรม และ นวดแผนไทย ซึ่งเป็นการให้บริการจากใจและเปี่ยมด้วยน้ำใจไมตรีแบบไทย คนไทยมีความรักและเป็นมิตรกับชาวต่างชาติ เพราะไทยไม่เคยเป็นอาณานิคม จึงมีความรู้สึกที่ดีต่อชาวตะวันตก จะเห็นได้จากในช่วงที่เกิดสึนามิ ชาวบ้านได้ช่วยเหลือชาวต่างชาติก่อนคนไทย เพราะคนไทยรู้สึกเสียใจที่แขกของเขาต้องมาประสบเคราะห์กรรมแลทุกข์ทรมาน
โรงพยาบาลไทยมีมาตรฐานและทันสมัย ราคาไม่แพงและมีบริการที่ดี ไม่ต้องรอคิวนาน ปีนี้ไทยได้รับเชิญเป็น Guest of Honour ในงาน Kokerello ซึ่งเป็นงานแสดงอาหารและเครื่องดื่มในเมืองเกนต์ ถึง 2 ปีติดกัน และได้นำผู้สื่อข่าวเบลเยียมไปเยือนไทย ไปรับประทานอาหารไทย ซึ่งเป็นอาหารที่มีความสมดุลและเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ผู้สื่อข่าวได้กลับมาเขียนข่าวว่าเป็นการยากมากที่จะรับประทานอาหารที่ไม่ อร่อยในเมืองไทย นอกจากนี้ กรุงเทพฯ ยังได้รับการลงคะแนนเสียงจากนิตยสารท่องเที่ยวว่าเป็นเมืองที่ดีที่สุดในโลก ในขณะที่เศรษฐกิจตกต่ำนี้ ราคาค่าโดยสารเครื่องบินและทัวร์ถูกลง จึงขอเชิญชวนให้ทุกคนไปท่องเที่ยวเมืองไทยและเพลิดเพลินกับหาดทราย แสงแดด และท้องทะเล ดีกว่าอยู่ในเบลเยียมโดยไม่ทำอะไร