Contributed by ทีมงานไทยยุโรป.เน็ต
Friday, 30 April 2010
ผู้ประกอบการและผู้ส่งออกสินค้าอาหารทะเลไทย 27 รายเข้าร่วมงาน European Seafood Exposition 2010 ที่ Brussels Exhibition Centre กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ระหว่างวันที่ 27-29 เม.ย. 2553 งาน European Seafood Exposition เป็นงานแสดงสินค้าอาหารทะเลประจำปีแบบครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ในปี 2010 มีบริษัทในวงการอาหารทะเลจาก 140 ประเทศทั่วโลกมาร่วมออกร้านกว่า 1600 ราย มีผู้เข้าชมงานหลายหมื่นคน งาน European Seafood Exposition เป็นแหล่งพบปะของผู้ซื้อ ผู้ขาย ผู้ค้าส่งและค้าปลีก ผู้ให้บริการด้านอาหารทะเล และเป็นเวทีที่ผู้ประกอบการไทยสามารถศึกษากระแสความนิยมของผู้บริโภคและ เทคโนโลยีใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมและธุรกิจอาหารทะเลของยุโรป เพื่อนำไปพัฒนาศักยภาพธุรกิจไทยเพื่อขยายตลาดยุโรปได้อย่างยั่งยืน
บูทประเทศไทย Kitchen of the World
บูธประเทศไทยตั้งอยู่ใน Hall 7 ได้รับการสนับสนุนจากกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ และประสานงานโดยสำนักงานส่งเสริมการค้าใน ต่างประเทศ ณ กรุงเฮก นำทีมผู้ประกอบการและผู้ส่งออกสินค้าอาหารทะเลไทยเข้าร่วมแสดงสินค้า เน้นภาพลักษณ์ไทยในฐานะ Kitchen of the World ไม่ว่าจะเป็นสินค้าประเภทกุ้ง ปลา ปลาหมึก และอาหารทะเลแช่แข็งประเภทต่างๆ อาหารทะเลแปรรูป และอาหารทะเลพร้อมรับประทาน (Ready to Eat) ในปี 2010 นี้ ผู้ประกอบการไทยได้นำผลิตภัณฑ์อาหารทะเลพร้อมรับประทานหลากหลายประเภท ทั้งที่ปรุงตามสูตรอาหารไทยและเทศ และสินค้าอาหารทะเลแบบมูลค่าเพิ่มแบบใหม่ๆ มานำเสนอในงานเป็นที่สนใจของผู้ซื้อยุโรป นอกจากนี้ ที่บูธไทยยังได้เชิญชวนชาวต่างชาติให้ลองลิ้มชิมรสอาหารทะเลไทยด้วยการปรุง ของร้าน Blue Elephant ด้วย
คุณภาพ ความปลอดภัยเป็นหัวใจของธุรกิจไทย
ประมงเป็นสินค้าออกที่สำคัญหมวดหนึ่งของไทยไปตลาดอียู โดยอียูเป็นตลาดหลัก อันดับ 3 รองจากสหรัฐฯ และญี่ปุ่น ในปี 2550 ไทยส่งออกสินค้าประมงไปอียูมูลค่า 911.3 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 15 % ของสินค้าประมงที่ไทยส่งไปทั่วโลก โดยมีสินค้าสำคัญคือ ปลาทูน่า (259.8 ล้านเหรียญ)กุ้งแปรรูป (137.6 ล้านเหรียญ) ปลาหมึก (111.5 ล้านเหรียญ) กุ้งสดแช่เย็น แช่แข็ง (98.1 ล้านเหรียญ) และอื่นๆ อาทิ หอย ปู ปลาพันธุ์อื่นที่มิใช่ทูน่า (304.3 ล้านเหรียญ)
ผู้ประกอบการไทยมั่นใจถึงคุณภาพและมาตรฐานที่สูงของสินค้ากุ้งและอาหาร ทะเลไทย ที่ส่งออกมายังตลาดยุโรป ว่าสามารถทำได้ตามกฎระเบียบและมาตรฐานความปลอดภัยของสหภาพยุโรปได้อย่างครบ ถ้วน อย่างไรก็ดี ยังห่วงกังวลเรื่องการแข่งขันที่สูงในด้านราคาและราคาวัตถุดิบที่สูงกว่าคู่ แข่ง โดยเพราะเวียดนาม จีน ที่สามารถเสนอราคาที่ต่ำกว่าไทยมาก เพราะสามารถผลิตด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประเทศคู่แข่งโดยเฉพาะเวียดนามได้พัฒนาอุตสาหกรรมอาหารทะเลในลักษณะก้าว กระโดด ปัจจุบัน เวียดนามสามารถผลิตสินค้าอาหารทะเลที่มีคุณภาพ มาตรฐาน และความปลอดภัย ได้มาตรฐานอียูและมาตรฐานสากล เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวสำหรับไทย อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการไทยยังมั่นใจว่าคุณภาพ ฝีมือ และความเชื่อถือได้เป็นจุดแข็งที่ผู้นำเข้ายุโรปยังคงให้ความไว้วางใจและ เลือกซื้อสินค้าจากไทยที่สำคัญ ผู้ประกอบการอาหารทะเลไทยยังมุ่งมั่นพัฒนาการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ ผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างจุดยืนและความแตกต่างให้กับสินค้าของไทยในตลาดอาหารทะเลยุโรปและ ตลาดโลก
กระแสสีเขียวในธุรกิจอาหารทะเล
กระแสสีเขียวในการดำเนินธุรกิจและอุตสาหกรรมอาหารทะเล ไม่ว่าจะเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมในระบบห่วงโซ่การผลิตและการผลิตอย่าง ยั่งยืน เป็นปัจจัยสำคัญในการค้าขายกับยุโรป เพราะเป็นเงื่อนไขที่ภาครัฐ ผู้ค้าปลีก ผู้ซื้อ และผู้บริโภคชาวยุโรปให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าปัจจัยด้านคุณภาพ ความสะอาด และราคา ล่าสุด คณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งเสมือนเป็นคณะบริหารของอียู จึงได้ออกระเบียบเกี่ยวกับการป้องกันและกำจัดการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงานและไม่มีการควบคุม (Illegal Unreported and Unregulated (IUU) Fishing) เมื่อ 29 กันยายน 2551 และบังคับใช้ระเบียบฉบับใหม่ ตั้งแต่ 1 มกราคม 2553 อียูเชื่อว่าการทำประมงผิดกฎหมาย ไม่มีรายงานและขาดการควบคุม เป็นภัยร้ายแรงต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนของทรัพยากรประมงและสิ่งแวดล้อม
กฎระเบียบ IUU ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อสู้ส่งออกสินค้าประมงทั่วโลกรวมทั้งไทย คือ ประเทศเหล่านี้ จะต้องทำการรับรองสินค้าและผลิตภัณฑ์ประมงว่าไม่ได้มาจากการทำประมงแบบ IUU โดยแนบเอกสารการรับรองการจับสัตว์น้ำ (catch certificate) ประกอบการส่งออกไปอียู กฎระเบียบดังกล่าวบังคับใช้เฉพาะกับสินค้าประมงที่จับมาจากทะเล อาทิ ปลาหมึก แต่สัตว์น้ำ เช่น กุ้ง ปลา ที่ไทยเลี้ยงเป็นฟาร์มไม่อยู่ในข่าย IUU
ภาคเอกชนไทยที่มาร่วมงาน European Seafood Exposition ได้ยืนยันความพร้อมของผู้ประกอบการไทยในการทำได้ตามกฎระเบียบด้านสิ่งแวด ล้อมที่เข้มงวดของอียูดังกล่าว โดยได้ชื่นชมภาครัฐไทย โดยเฉพาะกรมประมงว่าที่มีการเตรียมความพร้อม อาทิ เรื่องเอกสารการรับรองการจับสัตว์น้ำ (catch certificate) และให้ข้อมูลภาคเอกชนไทยได้ครบถ้วนและทันท่วงที สำหรับบริษัทไทยที่ได้ปรับตัวและเตรียมพร้อมกับระบบใหม่อย่างดีก็จะไม่ได้ รับผลกระทบ
ในขณะที่อียูมีความเข้มงวดขึ้นเกี่ยวกับ มาตรการด้านสิ่งแวดล้อมและมีความห่วงกังวลเกี่ยวกับการจับปลาและทรัพยากรทาง ทะเลมากขึ้น สินค้าสัตว์น้ำที่มาจากการเพาะเลี้ยงในฟาร์มหรือ Aquaculture จึงได้รับความสนใจและได้รับการยอมรับมากขึ้นในตลาดยุโรปและผู้บริโภคยุโรป โดยเฉพาะสินค้าสัตว์น้ำที่เพาะเลี้ยงในฟาร์มที่ดำเนินการอย่างยั่งยืนและ รักษาสิ่งแวดล้อม
ปลานิลเป็นสินค้าที่น่าสนใจสำหรับการเปิดตลาดยุโรปมาก ตัวอย่างบริษัท Grobest Group ซึ่งเป็นบริษัทไต้หวันที่มาลงทุนในประเทศไทย เริ่มดำเนินธุรกิจตั้งแต่ธุรกิจการค้าอาหารสัตว์ และได้ขยายเป็นการทำฟาร์มปลานิล ในบริเวณจังหวัดนครพนม และผลิตเพื่อการส่งออก โดยเน้นส่งออกผลิตภัณฑ์ปลานิลแร่แช่เข็ง ที่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้บริโภคยุโรปมากขึ้น เพราะปลานิลสามารถนำมาปรุงอาหารได้หลากหลายประเภททั้งแบบเอเชียและอาหาร ฝรั่ง แทนปลาเนื้อขาว (ที่ชาวยุโรปนิยมรับประทาน อาทิ ปลาค๊อด ที่ราคาค่อนข้างสูง) อย่างไรก็ดี คู่แข่งสำคัญที่เป็นผู้ผลิตปลานิลคือ จีน เพราะผลิตได้ในราคาที่ต่ำกว่ามาก และเวียดนามซึ่งสามารถผลิตปลาเนื้อขาวที่ชื่อว่า Pangasius ได้ในคุณภาพและราคาที่ต่ำกว่าปลานิลของไทย
มาตรฐานภาคเอกชนยิ่งทวีความสำคัญ0
มาตรฐานภาคเอกชนของยุโรป อาทิ มาตรฐาน Global GAP ซึ่งอันที่้จริงเป็นมาตรฐานในระดับฟาร์มที่ทำได้โดยสมัครใจ แต่ปัจจุบัน ผู้ค้าปลีกและห้างร้านใหญ่ๆ ของยุโรปก็เรียกร้องให้ผู้ผลิตและส่งออกสินค้าสัตว์น้ำต้องทำมาตรฐานเอกชน เหล่านี้ให้ได้ถึงจะรับซื้่อและรับรองว่าได้มาตรฐานที่จะขายในห้างร้านของตน เวียดนามคู่แข่งสำคัญของไทยเน้นการผลิตสินค้าอาหารทะเลแบบ Mass-production และยังทำมาตรฐานประเภทนี้ได้ไม่มากเท่าทีควรนัก จึงพอมีช่องให้ผู้ประกอบการไทยที่มุ่งมั่นทำได้มาตรฐานเอกชนเหล่านี้แล้วให้ ใช้ช่องว่างตลาดดังกล่าวเข้ามาตีตลาดอียู
งาน European Seafood Exposition เป็นโอกาสดีให้แก่ธุรกิจอาหารทะเลไทยในการเข้าตลาดยุโรป โดยได้มีโอกาสพบปะกับผู้นำเข้ายุโรป พร้อมทั้งดูทิศทางแนวโน้มตลาดอาหารทะเลยุโรปเพื่อพัฒนาสินค้าให้เหมาะสมกับ ความต้องการของตลาดยุโรปซึ่งเป็นผู้นำเข้าสินค้าอาหารทะเลที่สำคัญที่สุดราย หนึ่ีงของโลก ไม่เพียงแต่เป็นการออกบูธเพื่อพบปะผู้นำเข้าและผู้จัดจำหน่ายจากในยุโรปและ ประเทศต่างๆทั่วโลก งานดังกล่าวยังเป็นโอกาศสำหรับการสร้างเครือข่ายธุรกิจกับผู้ที่อยู่ในวงการ ที่สำคัญ ภาครัฐไทยยังได้ใช้โอกาสดังกล่าวแสดงให้ผู้ที่อยู่ในแวดวงอาหารทะเลในยุโรป ไม่ว่าจะเป็นทั้ง นักธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นทั้ง นักธุรกิจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของสหภาพยุโรป เห็นความจริงจังในการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานอาหารทะเลไทย อันจะเป็นการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของธุรกิจอาหารทะเลไทยในตลาดยุโรปและ ในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน
ลิ้งค์ที่น่าสนใจ
European Seafood Exposition http://www.euroseafood.com
กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ http://www.depthai.go.th/
Thailand Kitchen of the World: http://thailand.prd.go.th/ebook/kitchen/index.html
กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ http://www.fisheries.go.th
เว็บไซต์ระบบตรวจสอบย้อนกลับ กรมประมง http://www.thaitraceshrimp.com
สมาคมอาหารแช่เยือกแข็ง http://www.thai-frozen.or.th