บรรพชาสามเณรเนื่องในวโรกาสวันแม่แห่งชาติ
เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2553 เอกอัครราชทูตและภรรยาเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อเป็นเกียรติแด่นายนายศุภชัย โพธิ์สุ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

การจัดงานฉายภาพยนตร์ไทยรางวัลปาล์มทองคำ ประจำปี 2553 เรื่อง ลุงบุญมีระลึกชาติ

เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2553   สถานเอกอัครราชทูตฯ ร่วมกับ BOZAR  ได้จัดฉายภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์ เรื่องลุงบุญมีระลึกชาติ  ที่กำกับโดยนายอภิชาติพงศ์  วีระเศรษฐกุล  ซึ่งได้รับรางวัลปาล์มทองคำ  จากงานประกวดภาพยนตร์เมื่อคานส์ ประจำปี 2553  โดยนายอภิชาตพงศ์ฯ ได้เดินทางมาร่วมในงานฉายภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์ และให้สัมภาษณ์สื่อแขนงต่างๆ ด้วย

ในการจัดฉายภาพยนตร์ครั้งนี้  ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี  ทั้งจากชาวไทยกว่า 100 คน  ทั้งข้าราชการ  ลูกจ้างท้องถิ่น และครอบครัว  สมาคม ThaiBel   กลุ่มเพื่อนไทย  GroupT   กศน   และชาวต่างชาติ  ที่มาร่วมชมกันอย่างคับคั่ง (full house) ประมาณ 500 คน  โดยก่อนการฉายภาพยนตร์  นาย Paul Dujardin, Director Centre for Fine Arts Brussels และนาง Gabrielle Claes, Director Cinematek  ได้กล่าวต้อนรับ  และนายอภิชาติพงศ์ฯ ได้กล่าวขอบคุณสถานเอกอัครราชทูตฯ และฝ่ายเบลเยียม  และภายหลังจัดฉายภาพยนตร์ มีรายการสัมภาษณ์นายอภิชาติพงศ์ฯ ต่อบนเวที อีกประมาณ 30 นาที  ซึ่งผู้ชมส่วนใหญ่ยังคงให้ความสนใจ อยู่ชมต่อ  แม้จะเป็นเวลาค่อนข้างดึกมากแล้ว  ซึ่งสะท้อนถึงความสำเร็จอย่างมากในการเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรม ความคิด ความเชื่อ  และส่งเสริมภาพลักษณ์ของ ปทท ในหมู่ชาวต่างชาติ  ผ่านทางแผ่นฟิล์มภาพยนตร์ในครั้งนี้

สำหรับการจัดฉายภาพยนตร์ไทยรางวัลปาล์มทองคำครั้งนี้  นับเป็นรายการแสดงแรกของชุดกิจกรรมด้านสังคมและวัฒนธรรม ระหว่างวันที่ 31 สค – 11 พย 53  ที่รัฐบาลเบลเยียมได้มอบหมายให้ BOZAR จัดขึ้น  ในโอกาสที่เบลเยียมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ASEM 8  ระหว่างวันที่ 4-5 ตุลาคม 2553  ก่อนนำภาพยนตร์ออกฉายทั่วฝรั่งเศสและเบลเยียม วันที่ 1 กันยายน 2553

ดูคลิปภาพวันงานฉายภาพยนตร์  http://www.youtube.com/watch?v=iVzWPP9Gpc0

ลุงบุญมี   มีอะไร     โดย SoPhiA

ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทุกท่าน  ที่ไปร่วมงานฉายภาพยนตร์ไทยรางวัลปาล์มทองคำ รอบปฐมทัศน์ที่จัดขึ้น โดย BOZAR ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบรัสเซลส์  เมื่อคืนวันที่ 31 สิงหาคม 2553 และได้ไปร่วมให้กำลังใจคุณเจ้ย – อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล  ผู้กำกับคนดังกันอย่างใกล้ชิด

งานฉายภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์ เรื่อง ลุงบุญมีระลึกชาติ ในครั้งนี้  ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จากผู้ชมทั้งไทยและเทศ  ที่มาร่วมชมกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง  จนโรงภาพยนตร์ขนาดจุผู้ชม 500 คนของ BOZAR ดูคับแคบไปถนัดตา   และเชื่อว่า  คอหนังอาร์ท  คงไม่ผิดหวังกับผลงานล่าสุดของคุณเจ้ยเรื่องนี้  ที่ยังคงเอกลักษณ์ในการนำเสนออย่างเปิดกว้าง  เพื่อให้อิสระในการตีความแก่ผู้ชม

วัฒนธรรมการดูละคร หรือ play มีมาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ  โดยเฉพาะประเภท tragedy ที่สร้างขึ้นเพื่อก่อให้เกิดปัญญา ความคิด หรือ enlighten ผู้ชม  ด้วยการนำเสนอเนื้อเรื่องตัวละคร และภาพ  ที่ผู้ชมอาจไม่เคยได้ประสบพบเจอในชีวิตมาก่อน  เพื่อถ่ายทอดปมความคิดให้ผู้ชมได้นำไปขบคิด วิเคราะห์ และนำไปสู่ปัญญาในที่สุด   โดยไม่ได้มุ่งเน้นความบันเทิงเริงใจ อย่างหนังฮอลลีวู้ดที่เราคุ้นเคย   ส่วนความตื้นลึกในการตีความ  ย่อมขึ้นอยู่กับภูมิหลัง หรือ ประสบการณ์ส่วนตัวของแต่ละคน

ไม่น่าแปลกใจที่คุณเจ้ยเริ่มต้นภาพยนตร์ด้วยการนำเสนอภาพท้องทุ่งนาสีเขียว  พร้อม ควาย สัตว์คู่บุญที่มักถูกดูแคลนและมองข้ามความสำคัญของชาวนา  ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของ ประเทศไทย    การเดินภาพอย่างช้าๆ  โดยทิ้งผู้ชมไว้ในความเงียบอยู่พักใหญ่  ทำให้ผู้ชม ได้หวนระลึกนึกถึงความงามของรากเหง้าที่แท้แต่ดั้งเดิมของสังคมไทย  ที่มีพื้นฐานมาจากภาคการเกษตร แม้จะถูกสังคมทุนนิยมครอบงำด้วยกระแสวัตถุนิยมมานานแล้วก็ตาม

ภาพความสงบเรียบง่ายของท้องทุ่งชนบทไทย  ยิ่งส่งให้ลุงบุญมี  ตัวละครหลักของเรื่อง  กลายเป็น ชายธรรมดาที่ไม่ธรรมดา  เพราะลุงบุญมีกำลังเผชิญหน้ากับความตายที่รออยู่ตรงหน้าโดยไม่ได้ ประหวั่นพรั่นพรึง  ที่จะละซึ่งสังขารในชาตินี้ด้วยโรคไต

วิญญาณของภรรยาที่เสียชีวิตไปแล้วหลายปี  ที่กลับมาปรากฏตัวและนั่งคุยกับลุงบุญมีอย่างยิ้มแย้ม เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่า  วิญญาณของคนที่ตายไปแล้ว ไม่ได้หายสูญไปไหน  แต่ยังคงวนเวียนไปมา   สามารถกลับมาหาคนที่รักด้วยแรงผูกพันได้เสมอ  ตั้งแต่ในสภาวะไร้ร่าง  หรือในร่างลิงผี  อย่างกรณีของลูกชายลุงบุญมี   พร้อมกับการบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ  เช่น  การได้รับอานิสงค์จากการทำบุญ

อุทิศส่วนกุศลไปให้อยู่เป็นประจำ     ความตายจึงเป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ภายนอก หรือการพลัดพรากจากสิ่งที่รักเพียงชั่วคราวเท่านั้น

นี่เอง คือ ความเชื่อโยงของการหยิบยกเรื่องราวในอดีตของลุงบุญมี ที่เคยเป็นทหารรับจ้างและ ได้สังหารทหารคอมมิวนิสต์ไปเป็นจำนวนมาก    ความเชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด  ทำให้เราเชื่อได้ว่า วิญญาณของคนที่เคยเป็นศัตรูในชาติภพก่อน  อาจหวนกลับมาเกิดเป็นพ่อ แม่ พี่น้อง  หรือเพื่อน ของเรา หรืออาจเป็นลิง หมา แมว หรือควายในท้องนาของเรา    ซึ่งคุณเจ้ยได้ผสานศิลปะในการนำเสนอแนวคิดนี้ ผ่านทางการฉายภาพนิ่งหลายภาพ  เช่น ภาพหมู่ของทหารกับลิงผี  หรือภาพชาวนาที่ใช้ลิงผีไถนาแทนควาย

ฉากแอ่งน้ำตกใหญ่ที่มีสายน้ำไหลอย่างไม่หยุดนิ่ง  แสดงถึงชีวิตและสังสารวัฏ  ที่เป็นแหล่งรวมของกิเลส ตัณหา  ราคะ  ความรัก โลภ โกรธ หลง  และความอยากของสรรพสัตว์  ที่ยังคงเวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างไม่สิ้นสุด

ฉากเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์  พรั่งพร้อมด้วยข้าทาสบริวารและทรัพย์ศฤงคาร  แต่กลับหาความสุขใจไม่ได้ เพียงเพราะไม่พึงใจในรูปกายภาพนอกของตน  และถูกปฏิเสธจากชายหามสะเหรี่ยงผู้ต่ำต้อย สื่อถึงสัจธรรมที่ว่า  ยศถาบรรดาศักดิ์ หรือทรัพย์สินเงินทองมากแค่ไหน  ก็ไม่สามารถบันดาลความสุขใจ ที่แท้จริงได้    อ่านถึงตรงนี้  หวังว่า ทุกคนยังคงจำฉากที่เจ้าหญิงเดินลงน้ำไป  พลางค่อยๆ ปลดเครื่องประดับ มีค่าทิ้งลงน้ำได้   และอีกครั้งที่คุณเจ้ยจงใจทิ้งภาพแก้วแหวนเงินทองดิ่งลงสู่ใต้แอ่งน้ำไว้ให้ติดตาผู้ชมพักใหญ่ เพื่อเว้นที่ให้ผู้ชมได้ถอดปมความคิด

ก่อนตาย  ลุงบุญมีได้พาผู้ชมเดินทางไปยังป่าลึกที่มีลิงผีอยู่มากมาย  เข้าไปภายในถ้ำลึก ที่ที่ลุงบุญมีนอนสิ้นลมหายใจ  ในขณะที่สิ่งมีชีวิตอื่นๆ ยังคงชีวิตและเวียนว่ายอยู่ต่อไป ตามหลักของการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ในสังสารวัฏอย่างไม่รู้จบ

การที่ตัวละครกล่าวย้ำว่า  ไม่มีรูปถ่ายงานศพของลุงบุญมี  ก็เพื่อเน้นว่า  แท้ที่จริงแล้ว  ลุงบุญมีไม่ได้หายสูญไปไหน   แค่ละสังขารไปเพียงชั่วคราวเท่านั้น  ซึ่งเป็นการเน้นย้ำแนวคิดจากฉากที่วิญญาณของภรรยาลุงบุญมี กลับมานั่งดูรูปงานศพของตัวเอง

ฉากพระอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า  กลายเป็นฆราวาส  แสดงให้เห็นถึงความเป็นอนิจจังของรูปลักษณ์ที่เราล้วนสมมติปรุงแต่งขึ้นมา  เราเรียกผู้ถือศีล  ครองจีวร ว่า พระภิกษุสงฆ์   แต่เมื่อพระภิกษุนั้นละซึ่งจีวร และวินัยสงฆ์  ก็ย่อมไม่แตกต่างจากปุถุชนคนทั่วไป

การให้เวลากับฉากพระอาบน้ำอยู่นานหลายนาที  ทำให้คิดได้ว่า  อาจเป็นความพยายามในการใช้ภาพการชะล้างทำความสะอาดร่างกายภายนอก  เพื่อสื่อถึงการชะล้างขัดเกลาจิตใจให้บริสุทธิ์อยู่เสมอของพุทธศาสนิกชนที่ดี

การใช้ชีวิตอย่างประมาทขาดสติ  ปล่อยใจให้ตกเป็นทาสของความอยาก  กิเลส  ตัณหา  ราคะไปวันๆ    ทำให้ ?คนเป็น? ไม่ต่างอะไรจาก ?คนตาย?  ดังเช่นตัวละครในฉากจบของเรื่อง ที่ชวนกันไปกินข้าวในห้องอาหารยามวิกาล  แต่ต้องเหลียวกลับมามองตัวเองอีกครั้งอย่างไม่มั่นใจ

หากถามว่า  ลุงบุญมีระลึกชาติอย่างไร  ก็คงหมายถึงการที่ระลึกได้ถึงเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏของสรรพชีวิต  และทุกชีวิต ทุกวิญญาณที่เวียนวนว่ายอยู่นี้  อาจมีความสัมพันธ์กับเราไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง  ดังนั้น  เราจึงควรตั้งมั่นอยู่ในความเมตตา  ละซึ่งการเบียดเบียน ห้ำหั่นซึ่งกันและสั่งสมคุณความดี  เพื่อหลุดพ้นจากวัฏสงสาร  อันหาความสุขที่แท้จริงไม่ได้นี้

ปรัชญาศาสนาเรื่องนี้  ได้หยั่งรากลึกอยู่ในความคิด ความเชื่อของพุทธศาสนิกชนชาวไทยมานานทำให้เราคุ้นเคยและเข้าถึงปมความคิดที่ถ่ายทอดผ่านทางแผ่นฟิล์มเรื่องนี้ได้ไม่ยากนัก  เมื่อเทียบกับผู้ชมชาวตะวันตก หรือผู้ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในเรื่องนี้มาก่อน   จึงไม่น่าแปลกใจที่หนังเรื่องนี้หรือเรื่องอื่นๆ ในแนวนี้  จะถูกใจผู้ชมเพียงกลุ่มเฉพาะ  ที่ต้องการความแตกต่างในการเสพบันเทิง แต่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก  โดยผู้ชมที่เคยชินกับแนวหนังฮอลลิวู้ด  ที่เดินเข้าโรงภาพยนตร์ไปพร้อมกับความคาดหวังเพียงเพื่อความบันเทิงเริงรมย์   ตื่นตาตื่นใจกับหนังประเภทแอคชันบู๊ล้างผลาญ คืนหลอกวิญญาณหลอน หรือฆาตกรรมสยองขวัญ  ที่นำแสดงโดยนักแสดงหน้าตาดีมีชื่อเสียง

สำหรับคอหนังอาร์ทแล้ว  รางวัลปาล์มทองคำ  คือ  เครื่องพิสูจน์คุณภาพภาพยนตร์ ที่สามารถถ่ายทอดภาพวิถีชีวิต  ความคิดความเชื่อ  ของผู้คนจากสังคมหนึ่ง  สู่อีกสังคมหนึ่ง ผ่านแผ่นฟิล์มได้อย่างแนบเนียนลงตัว

ถึงจุดนี้  เราคงต้องร่วมแสดงความยินดีและขอบคุณคุณเจ้ย  ที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย ด้วยการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพ  จนเป็นที่ยอมรับยกย่องจากชาวต่างชาติ  แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น เราคงต้องเปลี่ยนวัฒนธรรมการเสพบันเทิง  และหันมามองคุณค่าความหมายของสิ่งต่างๆ รอบตัว แม้แต่สิ่งเล็กๆ น้อยๆ หรือสิ่งที่เรามักมองข้ามความสำคัญในชีวิตประจำวัน  ให้เข้าใจถึงที่มาที่ไป เพื่อไม่ให้สิ่งดีมีคุณค่าในสังคมไทยกลายเป็นเพียงภาพอดีตแห่งความทรงจำ  ที่คนรุ่นหลังหาดูได้แต่เพียงในภาพยนตร์เท่านั้น

ไทย