ตามที่ปรากฏบทความซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับสถานะปัจจุบันของความสัมพันธ์ ระหว่างไทยและสหภาพยุโรป (European Union – EU) นั้น
กระทรวงการต่างประเทศขอเรียนว่า ข้อมติของคณะมนตรีสหภาพยุโรป (The Council of the European Union) เมื่อปี ๒๕๕๗ เป็นเพียงการระงับการเยือนอย่างเป็นทางการในระดับการเมืองเท่านั้น มิใช่การตัดความสัมพันธ์กับไทยในทุก ๆ ด้าน รวมทั้ง มิใช่การระงับการเยือนไทยในทุก ๆ ระดับ ซึ่งในช่วง ๑ ปีที่ผ่านมา ยังมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างทั้งสองฝ่ายในระดับต่าง ๆ ที่ไม่ใช่ระดับรัฐมนตรีหลายคณะอย่างต่อเนื่องและไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการค้า การลงทุนระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป รวมทั้งความร่วมมืออื่นๆ ที่มีอยู่ยังดำเนินดังเช่นปกติ อาทิ ความร่วมมือสาขาการศึกษา และวิทยาศาสตร์
ปัจจุบันความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและสหภาพยุโรปอยู่ในเกณฑ์ดีอย่าง ต่อเนื่องและการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับสหภาพยุโรปไม่ได้รับผลกระทบจากข้อ มติของคณะมนตรีสหภาพยุโรปข้างต้น โดยสหภาพยุโรปยังคงเป็นคู่ค้าสำคัญลำดับที่ ๔ ของไทยเมื่อปี ๒๕๕๗ ไทยส่งออกไปสหภาพยุโรป มูลค่า ๒๓,๓๔๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้าจากสหภาพยุโรป มูลค่า ๑๙,๔๕๙ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้านการลงทุน สหภาพยุโรปยังคงเป็นนักลงทุนโดยตรงอันดับที่ ๒ ของไทย โดยระหว่างเดือน ม.ค. – ก.ย. ๒๕๕๗ สหภาพยุโรปลงทุนสุทธิโดยตรงในไทยมูลค่า ๙๕๗ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ไทยลงทุนสุทธิในสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้น ๖๓.๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในช่วงเดือน ม.ค. – พ.ค. ๒๕๕๘ นักท่องเที่ยวจากยุโรปเดินทางมาไทยประมาณ ๒.๕ ล้านคน
อนึ่ง เมื่อวันอังคารที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ คณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทยได้ชี้แจงในหน้าเฟซบุ๊ค “European Union in Thailand” ว่า ตามที่มีรายงานข่าวว่าสหภาพยุโรปได้คว่ำบาตรไทยนั้น คณะผู้แทนสหภาพยุโรปฯ ขอชี้แจงว่าไม่เป็นความจริงและเข้าใจว่ารายงานดังกล่าวอ้างถึงผลสรุปการ ประชุมคณะมนตรีสหภาพยุโรปที่รับรองเมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๗ และยังไม่มีการออกผลสรุปใหม่ใดๆ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
*********************
กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ
14 กรกฎาคม 2558