เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2561 สถาบันวิจัย VITO (The Flemish Institute for Technological Research) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ได้ลงนามความร่วมมือ (Memorandum of Understanding) เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการบริหารจัดการขยะมูลฝอย พลังงานทดแทน และเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยมีนายมนัสวี ศรีโสดาพล เอกอัครราชทูต ณ กรุงบรัสเซลส์ ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ทำเนียบเอกอัครราชทูต
สถาบันวิจัย VITO เป็นหน่วยงานวิจัยระดับนานาชาติที่ตั้งอยู่ในประเทศเบลเยียมและยุโรปที่มีสาขาในประเทศจีนและตะวันออกกลาง ซึ่งมีบทบาทหลักในการสร้างองค์ความรู้ทางด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี 5 ด้านที่สำคัญ ได้แก่ 1. ด้านพลังงาน (Energy) 2. ด้านเคมี (Chemistry) 3. ด้านเทคโนโลยีวัสดุ (Materials) 4. เทคโนโลยีสุขภาพ (Health Technology) และ 5. เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาการใช้ประโยชน์ที่ดินป่าไม้ (Land Use)
ทั้งนี้ สถาบันวิจัย VITO จะร่วมกับ สกว. ซึ่งมีบทบาทหลักในการสนับสนุนและบริหารจัดการงานวิจัย พัฒนานักวิจัย สร้างองค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ เพื่อพัฒนาประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนความรู้ความเชี่ยวชาญในการแก้ปัญหาการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน ตลอดจนพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อยกระดับศักยภาพของอุตสาหกรรมในประเทศไทย
สกว. จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างสถาบัน VITO และหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน โดยมุ่งเน้นการสนับสนุนโครงการความร่วมมือทางด้านการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการทรัพยากรให้ยั่งยืนตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน
การลงนามครั้งนี้จึงนับเป็นการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ เพื่อพัฒนาประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยจะมีการดำเนินโครงการแรก ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว คือ “การพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับการบำบัดของเสียและน้ำทิ้งจากโรงงานผลิตกาแฟคั่ว” ที่มี รศ. ดร.สุเมธ ไชยประพัทธ์ นักวิจัยจากภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นหัวหน้าโครงการ และมีมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ จังหวัดเชียงราย เป็นผู้ร่วมสนับสนุนทุนวิจัยร่วมกับสถาบันวิจัย VITO ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาและนักวิจัยร่วมในโครงการนี้ โดยมีสำนักประสานงานชุดโครงการ “อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ” ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงาน ขณะนี้อยู่ในระหว่างการปรับข้อเสนอโครงการและการเจรจาความร่วมมือกับสถาบันวิจัย VITO